ค้นหา

วันอังคารที่ 10 ตุลาคม พ.ศ. 2560

ENELOOP

ถ่านแบบซ๊าตได้ 
ประหยัดเงิน
ลดขยะ
เชื่อสิ 
⇶⇶⇶⇶⇶⇶⇶⇶

วันศุกร์ที่ 24 กรกฎาคม พ.ศ. 2558

แนวคิด 9 ข้อ สำหรับคุณที่จะลงมือปฏิบัติเพื่อลดค่าไฟฟ้าในบ้านคุณ

 1.เปลี่ยนจากการใช้หลอดไส้ มาเป็นหลอดฟลูออเรสเซนต์ หรือหลอดประสิทธิภาพพลังงาน  คุณจะ
ประหยัดค่าไฟฟ้าลงได้ถึงร้อยละ 75

   2.จัดวางแผนการเปลี่ยนหลอดไฟชนิดหลอดไส้ เมื่อคุณไม่สามารถเปลี่ยนไปซื้อหลอดฟลูออเรสเซนต์ (หลอดประสิทธิภาพพลังงาน) ได้ทั้งหมด ในครั้งเดียวกัน โดยแบ่งช่วงเวลาค่อย ๆ ซื้อเปลี่ยนอาจจะเป็น
อาทิตย์ละครั้งหรือเดือนละครั้ง  จนวันที่คุณจะซื้อไว้บนปฏิทินในครัว เพื่อคุณจะไม่ลืม

    3.ปิดไฟเมื่อคุณออกจากห้อง มีการตั้งกฎเพื่อเตือนสมาชิกในบ้านคุณให้ปิดไฟเมื่อออกจากห้องเช่นกัน รู้จักใช้ประโยชน์จากแสงธรรมชาติ

    4.จัดห้องคุณให้ได้แสงธรรมชาติมากขึ้น คุณสามารถลดจำนวนเงินในใบเสร็จค่าไฟฟ้าได้โดยวิธีง่ายๆ
คือย้ายโต๊ะเขียนหนังสือและเก้าอี้ไปไว้ใกล้หน้าต่าง

    5.เปลี่ยนหลอดไฟแสงจ้าที่ใช้ไฟมาก โดยใช้หลอดฮาโลเจนขนาด 50-90 วัตต์แทนหลอดไส้ที่ใช้
ปริมาณวัตต์มากกว่าถึง 2 เท่าและยังให้แสงสว่างที่เพียงพอด้วย

    6.ปลูกฝังให้เด็ก ๆ มีส่วนร่วมในกิจกรรมการประหยัดพลังงานนี้โดยให้รางวัลแก่เด็กที่ช่วยใช้ไฟฟ้า
อย่างมีประสิทธิภาพและเชิญชวนกันรักษาสิ่งแวดล้อม รวมไปถึงสนใจที่จะช่วยกันปกป้องโลกในอนาคตด้วย

   7.ศึกษารายละเอียดของผลิตภัณฑ์เกี่ยวกับหลอดไฟชนิดต่าง ๆ จากร้านค้าที่โชว์สินค้าที่สามารถให้
ความรู้เกี่ยวกับการใช้หลอดไฟประสิทธิภาพพลังงาน  คุณจะสามารถเรียนรู้ได้ในเวลาเพียงไม่กี่นาที

   8.ทำความสะอาดหลอดไฟและอุปกรณ์ที่บ้านของคุณวิธีง่าย ๆ ที่ทำความสะอาดหลอดไฟนี้ จะเพิ่ม
แสงสว่างได้โดยที่ไม่ใช้พลังงานเพิ่มขึ้น คุณควรจะทำความสะอาดหลอดไฟอย่างน้อยที่สุด  4 ครั้งต่อไปจะดีที่สุด

   9.ใช้สีอ่อนทาผนัง ฝ้าเพดาน และวัสดุสีอ่อนปูพื้น เพราะค่าสะท้อนแสงจะช่วยให้แสงสว่างมากขึ้น
ทันทีที่คุณเริ่มใช้หลอดไฟอย่างมีประสิทธิภาพ คุณจะประหยัดได้ทั้งพลังงาน และทรัพยากรธรรมชาติ

ที่มา  http://www2.dede.go.th/bhrd/old/dataenergy/datadoc.html

การให้ความเย็นแก่อาคาร

การให้ความเย็นแก่อาคารทำได้หลายวิธี การติดตั้งเครื่องปรับอากาศเป็นวิธีที่ได้รับความนิยมสูงสุด
แต่ก็เป็นวิธีที่สูญเสียพลังงานมากที่สุด ดังนั้นการลดหรือป้องกันไม่ให้ความร้อนเข้าสู่อาคารจึงมีส่วนช่วย
อย่างสำคัญในการที่จะทำให้อาคารเย็นและสามารถลดขนาดของเครื่องปรับอากาศที่ใช้ ทำให้เกิดการ
ประหยัดพลังงานไฟฟ้าได้
1.การลดปริมาณรังสีความร้อนที่จะผ่านเข้าทางกระจกหน้าต่าง
ใช้อุปกรณ์เครื่องบังแดดภายนอกอาคารเพื่อมิให้กระจกถูกแดดโดยตรง
ผ้าใบ (Awning)เหมาะสำหรับผนังกระจกผืนใหญ่ เช่นห้างสรรพสินค้า
แผงครีบ (Fin) เหมาะสำหรับให้ร่มเงาแก่หน้าต่างกระจกที่หันไปทางทิศตะวันออกและตะวันตก  
กันสาด (Overhang) จะให้ผลดีในการบังแดดสำหรับกระจกที่หันไปทางทิศใต้ ทิศตะวันออกเฉียง
ใต้หรือทิศตะวันตกเฉียงใต้
ต้นไม้ สามารถให้ร่มเงากระจกได้ดีทางด้านทิศตะวันออกและทิศตะวันตกเหมาะสำหรับอาคารท
ี่เตี้ยกว่าต้นไม้
  - ผ้าม่านหรือมู่ลี่บังแดดภายในอาคารด้านหลังกระจก เป็นการป้องกัน รังสีความร้อนทางอ้อม ควร
เลือกชนิดใบอยู่ในแนวนอนสำหรับกระจกด้านทิศใต้ ส่วนกระจกด้านทิศตะวันออกและทิศตะวันตกนั้น
ควรเลือกชนิดที่ใบอยู่ในแนวดิ่ง
   - เลือกกระจกที่ยอมให้แสงคลื่นสั้นผ่านได้น้อย แต่ให้แสงที่ช่วยในการมองเห็นผ่านได้มาก เช่นชนิด
ที่เรียกว่า Heat Mirror หรือติดฟิล์มสะท้อนแสงไว้ด้านหลังแผ่นกระจก อาคารใดที่มีความจำเป็นต้องใช้
กระจก  2 ชั้น เพื่อป้องกันเสียงดังภายนอกแล้ว ควรให้กระจกชั้นนอกเป็นกระจกกรองแสง หรือติดฟิล์ม
สะท้อนแสงที่ด้านหลังของกระจกชั้นนอก ส่วนกระจกชั้นในเป็นกระจกใสธรรมดา จะใช้ลดความร้อนได้เป็น
อันมาก
    - หลีกเลี่ยงการใช้ Skylight ที่หลังคา เนื่องจากรังสีความร้อนที่ส่งผ่าน Skylight    จะมากกว่าที่ผ่าน
เข้ามาทางกระจกด้านทิศตะวันออก และทิศตะวันตก ทั้งมีค่าสูงตลอดวัน แต่ถ้าจำเป็นต้องออกแบบให้มี
Skylight ควรทำแผงเกล็ดบังแดด และออกแบบและติดตั้งให้ถูกทิศทาง
2. การลดการนำความร้อนผ่านผนังทึบ
    - ใช้ฉนวนกันความร้อน จำพวก โพลีเอทธีลีนโฟม (Polyethylene Foam) ที่ปิดทับด้านนอกด้วยวัสดุ
ทนไฟ  เช่น ซีเมนต์บล๊อกที่สอดไส้ด้วยแผ่นโฟม การบุฉนวนนี้ควรบุที่ด้านนอกของผนังจะดีที่สุดเพราะ
ความร้อนจะถูกเนื้อฉนวนป้องกันมิให้เข้ามาในอาคารไว้ตั้งแต่แรก  
   - ทาสีด้านอกของกำแพงด้วยสีขาว สีครีม ใช้วัสดุที่มีผิวมันสีอ่อน
   - ทำที่บังแดด อาจเป็นแผงครีบในแนวดิ่งหรือแนวนอน เพื่อให้กำแพงอยู่ในร่มเงาตลอดทั้งวัน แต่ควร
ให้อากาศภายนอกไหลผ่านช่องว่างระหว่างที่บังแดดและตัวผนังได้โดยสะดวก เพื่อมิให้เกิดการสะสมของ
ความร้อนขึ้น
3.การลดการนำความร้อนผ่านหลังคา
   - ใช้ฉนวนกับความร้อนจำพวกเดียวกับที่ใช้บุผนัง โดยบุแนบกับพื้นล่างของหลังคาที่ส่วนที่ทึบแสงหรือ
บนเพดานใต้หลังคาเพื่อลดการถ่ายเทความร้อน  
   - ใช้สีสะท้อนแสง สีกันความร้อนทำจากเซรามิก (Ceramic Coating) กระเบื้องสีอ่อนหรือก้อนกรวด
สีขาว ปูที่ผิวด้านบนของหลังคาเพื่อลดการดูดกลืนความร้อน
   - ทำหลังคาบังแดด ซึ่งอาจเป็นหลังคาชนิดเบาอีกชั้นหนึ่ง เพื่อให้อากาศสามารถถ่ายเทระหว่างกลาง
ได้สะดวกเป็นการป้องกันมิให้หลังคาอาคารถูกแดดโดยตรง  
   - ป้องกันมิให้ Skylight ถูกแดดโดยตรง
   - ใช้แผ่นฟิล์มอะลูมินั่มบาง ๆ ที่สะท้อนรังสีความร้อนได้ดี (Reflective Aluminum    Film) ติดตั้ง
ไว้ที่ด้านล่างของหลังคา
4. การลดความร้อนจากเครื่องใช้ไฟฟ้าภายในอาคาร
   - ติดตั้งเครื่องใช้ในสำนักงานบางส่วน เช่นเครื่องถ่ายเอกสาร เครื่องพิมพ์แบบไว้นอกห้องปรับอากาศ  
   - ปิดไฟแสงสว่างและเครื่องใช้ไฟฟ้าเมื่อเลิกใช้
   - ติดตั้ง Hood (เครื่องดูดกลิ่นหรือดูดควัน) ที่มีประสิทธิภาพสำหรับการหุงต้มทุกชนิด    อากาศที่ใช้กับ
Hood ควรมาจากภายนอกอาคารไม่ควรใช้อากาศเย็นจากเครื่องปรับอากาศโดยตรง  
   -ภาชนะใดที่มีอุณหภูมิผิวหน้าค่อนข้างสูง ควรหุ้มด้วยฉนวนกันความร้อน
5.การลดอัตราการรั่วซึมของอากาศเย็นออกภายนอกให้น้อยลง
   -รอยต่อต่าง ๆ เช่น ตามวงกบบานหน้าต่าง และประตูกับกำแพงระหว่างผนังกับฐานราก ระหว่างกำแพง
กับหลังคา รอยต่อระหว่างผนัง หรือช่องเจาะเตรียมไว้ที่พื้นผนังหรือหลังคาสำหรับการเดินท่อต่างๆ ต้องอุด
ให้สนิทด้วยซีเมนต์และซิลิโคน (Silicone)
   -ห้างสรรพสินค้าควรใช้บานประตู 2 ชั้น (Vestibule) สำหรับทางเข้าที่มีการสัญจรของผู้คนมาก  
   -ประตูชั้นดาดฟ้า เช่น ประตูห้องเครื่องลิฟท์หรือประตูที่เปิดสู่นอกอาคารต้องปิดให้สนิทอยู่เสมอ  
   -ควรมีผนังกันช่องบันไดที่เดินทางผ่านระหว่างชั้นออกจากบริเวณที่มีการปรับอากาศในแต่ละชั้น
6. การลดอัตราการระบายอากาศ
    อาคารที่มีการปรับอากาศทุกหลังคาต้องนำอากาศบริสุทธิ์ภายนอกส่วนหนึ่งเข้ามาเพื่อระบายกลิ่น
ตัวคน สารเคมีที่เกิดจากสิ่งตกแต่งอาคารและอุปกรณ์เครื่องใช้ต่าง ๆ โดยเหตุที่อากาศภายนอกที่เข้ามา
นี้ทั้งร้อนและชื้น หากนำอากาศภายนอกเข้ามามากจะทำให้เครื่องปรับอากาศทำงานหนักขึ้นและสิ้นเปลือง
พลังงานไฟฟ้ามากขึ้น
   -ควรจัดให้มีห้องสูบบุหรี่แยกต่างหากจากห้องทำงาน  
   -ติดตั้งแผ่นกรองอากาศซึ่งทำจากผงถ่าน หรือใช้เครื่องฟอกอากาศเพื่อลดกลิ่น
   -ติดตั้งเครื่องแลกเปลี่ยนความร้อนระหว่างอากาศเสียที่เย็นภายในอาคารซึ่งต้องการดูดทิ้งไปกับอากาศ
ร้อนที่บริสุทธิ์ซึ่งจะนำเข้ามาในอาคาร  
   -ในช่วงเวลาที่มีคนอยู่น้อยภายในอาคาร เช่น ในตอนเช้าก่อนเริ่มทำงานประมาณ 1 ชั่วโมง ช่วงพัก
เที่ยง ในตอนเย็นก่อนเลิกงานครึ่งชั่วโมง หรือในห้างสรรพสินค้าช่วงที่มีลูกค้าน้อย    ควรปิดพัดลมดูด
อากาศบริสุทธิ์เข้ามาในอาคารโดยผ่านการกรองเพื่อลดฝุ่นละออง กลิ่นและมลพิษทางอากาศ
7.การใช้งานเครื่องทำน้ำเย็นอย่างถูกวิธี
    เครื่องทำน้ำเย็นเป็นเครื่องจักรกลที่ใช้พลังงานไฟฟ้ามากที่สุดในระบบปรับอากาศขนาดใหญ่การใช้
งานอย่างถูกต้องจะช่วยประหยัดพลังงานได้เป็นจำนวนมากซึ่งทำได้    4 วิธี คือ
   -ปรับตั้งอุณหภูมิน้ำเย็นที่ออกจากเครื่องทำน้ำเย็นให้สูงขึ้นได้โดยไม่ทำให้เกิดผลเสียแก่อุณหภูมิที่
ต้องการควบคุมภายในอาคารสามารถประหยัดพลังงานของเครื่องทำน้ำเย็นได้ร้อยละ 1.5-2.0 สำหรับทุก ๆ
0.5 0C ของอุณหภูมิน้ำเย็นที่เพิ่มสูงขึ้น
   -ลดอุณหภูมิน้ำหล่อเย็นจากคูลลิ่งทาวเวอร์ที่เข้าสู่คอนเดนเซอร์โดยการเดินคูลลิ่งทาวเวอร์ชุดสำรอง
ในขณะที่ความร้อนภายในอาคารเกิดขึ้นสูงสุด สามารถประหยัดพลังงานของเครื่องทำน้ำเย็นได้ร้อยละ
1.5-2.0 สำหรับทุก ๆ 0.5 0C    ของอุณหภูมิน้ำหล่อเย็นที่ลดต่ำลง
   -ควบคุมค่าความต้องการไฟฟ้า (Electric Demand) ของเครื่องทำน้ำเย็นมิให้สูงเกินไป  
   -จัดลำดับการเดินเครื่องทำน้ำเย็น ให้สอดคล้องกับปริมาณความร้อนที่เกิดขึ้นภายในอาคาร โดยเดิน
เครื่องให้น้อยชุดที่สุด แต่เครื่องทุกชุดทำงาน เต็มที่ใกล้ร้อยละ 100 อยู่เสมอ
8. การติดตั้งและการใช้งานเครื่องปรับอากาศอย่างถูกวิธี
   -ติดตั้งชุดคอนเดนเซอร์ระบายความร้อนด้วยอากาศ(Air Cooled Condenser) และคูลลิ่งทาวเวอร์
(Cooling Tower) ไว้ในที่ร่มหรือที่ถูกแดดน้อยที่สุด  
   -ขจัดสิ่งกีดขวางทางลมเข้าและออกจากชุดคอนเดนเซอร์ระบายความร้อนด้วยอากาศและคูลลิ่งทาวเวอร์  
   -หลีกเลี่ยงการติดตั้งในลักษณะลมร้อนจากชุดคอนเดนเซอร์ระบายความร้อนด้วยอากาศปะทะกับลม
ธรรมชาติโดยตรง  
   -ปรับตั้งเทอร์โมสตัส (Termostat) เพื่อรักษาอุณหภูมิภายในอาคารมิให้ต่ำเกินกว่า    25.5 0C
   -เลือกใช้เทอร์โมสตัท (Thermostat)ที่มีคุณภาพดี เช่น แบบอิเล็กทรอนิคส์ มิให้มีการแกว่งของ
อุณหภูมิเกินกว่า    0.5-1 0C
   -หมั่นล้างแผ่นกรองอากาศและคอยล์ทำความเย็นให้สะอาดอยู่เสมอ
   -หมั่นล้างคอนเดนเซอร์ (Condenser) และคูลลิ่งทาวเวอร์ (Cooling Tower) ให้สะอาดเพื่อให้การ
ระบายความร้อนของตัวเครื่องเป็นไปโดยสะดวกและใช้พลังงานไฟฟ้าน้อยลง  
   -ปรับแต่งคุณภาพน้ำในคูลลิ่งทาวเวอร์ให้ปราศจากตะกรัน สาหร่ายและตะไคร่น้ำ
   -ปรับแต่สายพานพัดลมของคอยล์ทำความเย็น ให้มีความตึงพอเหมาะ ไม่หย่อนเกินไป
   -หล่อลื่น แบริ่งของพัดลมคอยล์ทำความเย็นทุกชุดอย่างสม่ำเสมอ
   -ซ่อมฉนวนท่อ
   -อุดรูรั่วของท่อลมเย็น
  การปรับปรุงง่าย ๆ เบื้องต้นเพื่อให้อาคารมีความเย็น
   -อย่างให้ผนังกระจกและหน้าต่างถูกแสงอาทิตย์โดยตรง    เพราะความร้อนจะผ่านเข้ามาในอาคารเพิ่มขึ้น
   -ปรับปรุงทาสีผนังอาคารภายนอกให้เป็นสีขาวหรือสีอ่อน เพื่อช่วยสะท้อนความร้อนจากแสงอาทิตย์  
   -ติดตั้งกันสาด แผงครีบ ผ้าใบ หรือปลูกต้นไม้บังแดดให้กับตัวอาคาร
   -ปรับปรุงหลังคาโดยบุฉนวนเพดาน หรือติดแผ่นฟิล์มอะลูมินั่มสะท้อนรังสีความร้อนไม่ให้เข้าตัวอาคาร
หรือทำเครื่องบังแดดให้หลังคาไม่ถูกแสงอาทิตย์กระทบโดยตรง  
   -ปรับปรุงประตูทางเข้าของอาคารที่มีผู้คนเดินทางออกบ่อย ๆ เพื่อให้อากาศเย็นไหลออกน้อยที่สุด  
เช่นประตูทางเข้า ห้างสรรพสินค้า ประตูทางเข้าอาคารสำนักงาน
   -หมั่นทำความสะอาดอุปกรณ์ในระบบปรับอากาศ เช่นแผ่นกรองอากาศ และคอยล์ทำความเย็น  
หอผึ่งเย็น (Cooling Tower) เพื่อให้ระบายความร้อนได้ดีและลดการใช้ไฟฟ้า
   -หลีกเลี่ยงการจัดวางหรือติดตั้งอุปกรณ์ที่มีการระบายความร้อนไว้ในบริเวณห้องที่มีการปรับอากาศ
 เช่นไม่ตั้งเครื่องถ่ายเอกสารในห้องปรับอากาศ
   หากอาคารนั้นได้รับการออกแบบตั้งแต่ต้นโดยคำนึงถึงปัจจัยต่าง ๆ ที่มีส่วนนำความร้อนเข้าใน
อาคารและเลือกใช้วัสดุกันความร้อนได้ดีให้กับอาคารหรือปรับปรุงอาคารที่มีอยู่แล้วโดยวิธีง่าย ๆ เบื้องต้น
ก็จะป้องกันความร้อนให้เข้าสู่อาคารได้น้อยที่สุด ทำให้อาคารมีการใช้พลังงานไฟฟ้าในการทำความเย็น
ให้กับอาคารได้อย่างประหยัด

ที่มา  http://www2.dede.go.th/bhrd/old/dataenergy/datadoc.html